06 ตุลาคม 2555

เพลงประกอบการแสดง

บทบาทของเพลงประกอบการแสดง

              คมได้ห่างหายจากการทำกิจกรรมหน้าเวปมานาน  พยามยามจะหาเวลาว่างมาเล่นเพลงและบันทึกเสียงโดยบรรเลงคนเดียวอย่างเคย ครั้งนี้ได้นำเพลงประกอบการแสดงที่คมชอบมาฝาก เพลงแรก...ตับภุมริน มักใช้ในการแสดงมโหรีวงใหญ่ ในโอกาสที่ดูโอ่อ่าหรูหรา เพลงที่สอง...ลาวต้อยตริ่ง ใช้ประกอบการแสดงในโอกาสทั่วไป และเพลง...กระต่ายเต้น ใช้ประกอบการแสดงในโอกาสทั่วไปเช่นกัน เพลงนี้ได้รับความนิยมในกลุ่มพื้นบ้านมักจะได้ยินได้ฟังบ่อยในการแสดงลิเกตามท้องถิ่นเป็นเพลงสุดท้าย 




เพลงตับภุมริน

           ตับภุมรินแบบสมบูรณ์ จะเป็นเพลงบรรเลงแบบ ร้องรับ สามท่อนแรกแต่งโดย หลวงประดิษฐไพเราะ (ศร ศิลปะบรรเลง) แต่งถวาย พระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมขุนเพชรบูรณ์อินทราชัย (ทูลกระหม่อมติ๋ว) เพื่อประกอบละครดึกดำบรรพ์เรื่องจันทกินรีซึ่งเป็นพระนิพนธ์ของพระองค์ บทร้องที่ทรงพระนิพนธ์ตอนนี้มีพระราชประสงค์มีบทร้องและทำนองเลียนแบบตับแม่ศรีของสมเด็จเจ้าฟ้า กรมพระยานริศรานุวัตติวงศ์ เมื่อ พ..ศ. ๒๔๗๖ เมื่อหลวงประดิษฐไพเราะ (ศร ศิลปะบรรเลง) โอนจากกระทรวงวังไปเป็นหัวหน้าแผนกดุริยางต์ไทย กรมศิลปากร จึงนำเพลงตับภุมรินมาบรรเลงขับร้องอีกครั้งหนึ่ง โดยก่อนทีนำมาบรรเลงขับร้อง ได้มอบให้ นายมนตรี ตราโมท แต่งเนื้อร้องเพิ่มอีก ๑ บท ส่วนตัวท่านเองได้แต่งทำนองขึ้นรับอีก ๑ ท่อน ทำให้เพลงตับภุมรินนี้มี ๔ ท่อนเท่ากับเพลงตับแม่ศรีทรงเครื่อง เนื้อเพลงบรรยายถึงบรรยากาศของสวนและดอกไม้ที่มีแมลงมาบินมาดอมดมดอกไม้ และนกชนิดต่างๆ พากันส่งเสียงร้องอยู่ตามกิ่งไม้








เนื้อหาและลักษณะเพลง  

ภุมรินเป็นเพลงตับ (เพลงตับ หมายถึง เพลงที่นำเสียงร้องและบรรเลงมารวมกัน จะต้องมีสำนวนทำนองสอดคล้องต้องกัน คือ มีเสียงขึ้นต้นเพลงคล้ายๆ กัน คือ สำเนียงคล้ายๆ กัน เป็นเพลงในอัตราจังหวะเดียวกัน) เพลงตับภุมรินมี ๔ ท่อน ท่อนแรกบรรยายเกี่ยวกับแมลงพวกผีเสื้...นกสาริกา...นกสีชมพู...นกยูง ตามลำดับ


ในส่วนของคมได้นำเพลงนี้มาบรรเลงโดยตัดเสียงร้องออก เสียงดนตรีหลักคือระนาดเอก ใช้เสียงตามหรือเสียงล้อด้วยซออู้ บรรเลงด้วยหน้าทับลาวในอัตราจังหวะสองชั้นออกชั้นเดียวดัวยเพลงนกสีชมพูแบบสนุกตอนจบ ความยากในเพลงนี้คือ เพลงจะยาว มีจังหวะเหลื่อมผสมจังหวะที่ล้อกันในเพลงนี้





เพลงตับภุมริน (ระนาดเอก ซออู้)  

..............................................................................

เพลงลาวต้อยตริ่ง




           เพลงต้อยตริ่งเป็นเพลงอัตราจังหวะสองชั้น ทำนองเก่า หม่อมหลวงต่วนศรี วรวรรณ นำไปแต่งแปลงทำนองใหม่ เพื่อใช้ประกอบการแสดงละครคณะหลวงนฤมิต เรียกชื่อว่า เพลงลาวเดินดง หรืออีกชื่อหนึ่งว่า ลาวชมดง ต่อมา หลวงประดิษฐไพเราะ (ศร ศิลปบรรเลง) นำไปแต่งขยายเป็นอัตราสามชั้น ใช้บรรเลงเป็นเพลงโหมโรง เมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๘ เรียกชื่อใหม่ว่า เพลงโหมโรงลาวใจใส  

ในส่วนของคมได้นำ เพลงลาวต้อยตริ่ง มาบรรเลงด้วยระนาดเอก โดยใช้เครื่องให้จังหวะ ใช้ในอัตราจังหวะสองชั้น บรรเลงด้วยหน้าทับลาว






  


เพลงลาวต้อยตริ่ง 2 ชั้น (ระนาดเอก)

..............................................................................


เพลงกระต่ายเต้น

           กระต่ายเต้นเป็นเพลงไทยสำเนียงมอญ ทำนองเพลงเก่าสมัยอยุธยา รวมอยู่ในเพลงชุดกระต่ายชมเดือน ซึ่งมี ๓ เพลง คือเพลงกระต่ายชมเดือน เพลงกระต่ายเต้น และเพลงกระต่ายกินน้ำค้าง ใช้ประกอบการแสดงละคร ต่อมาลิเกนำมาใช้ในการแสดงลิเก 

ในส่วนของคมได้นำ เพลงกระต่ายเต้น มาบรรเลงด้วยระนาดเอก ซออู้ ซึ่งไม่มีในปี่พาทย์มอญ เป็นการลองผสมเสียงของคมเองเพื่อให้เพลงสนุกยิ่งขึ้น ใช้เครื่องให้จังหวะที่ใกล้เคียงสำเนียงมอญ หากมีความผิดพลาดประการใด ต้องกราบขออภัย มา ณ ที่นี้ด้วย







เพลงกระต่ายเต้น (ระนาดเอก ซออู้)


05 กรกฎาคม 2555

ดอกสาละประจำโรงเรียน...คม

แด่ ส.ย. คงอยู่มุ่งสร้างคนดี


              เมื่อย่างก้าวเข้ามาในบริเวณโรงเรียนสารวิทยา จะเห็นต้นสาละปลูกอยู่ทั่วโรงเรียนจนชินตา เมื่อต้นสาละออกดอกจะสวยงามมาก ดอกมีสีชมพูอมเหลืองหรือแดง ด้านในมีสีม่วงอ่อนอมชมพู กลิ่นหอมมาก ช่อดอกยาวประมาณ ๒-๓ ฟุต ดอกทยอยบานจากโคนไปหาปลายช่อ ดอกบานเต็มที่กว้าง ๕-๑๐ เซนติเมตร และดอกบานได้นานเป็นเดือน เป็นจุดเด่นของต้นสาละ


            ต้นสาละมี 2 ชนิด สายพันธุ์แรกเรียกว่า ต้นสาละใหญ่ (ต้นสาละอินเดีย) ในภาษาบาลีเรียกว่า “ต้นมหาสาละ” มีความเกี่ยวข้องกับพุทธศาสนา ถือเป็นต้นไม้สำคัญยิ่ง  
              (ที่มา http://www.oknation.net/blog/print.php?id=586374)


                     นามนี้มักอ้างเอ่ย              ว่าดี
               เคียงความหมายที่มา               เลิศล้ำ
               เป็นพันธุ์ไม้ดีมี                      นานช้า
               ชื่อสาละกำเนิด                     อยู่คู่พุทธกาล

                      ณ วันแรกประสูติ             พุทธองค์
               ต้นสาละตรงกิ่ง                      แผ่ร่ม
               ที่กำเนิดองค์พุทธ                   ศาสดา
               นิพพานบรรทมใต้                   ร่มเงาสาละ

            ส่วนอีกสายพันธุ์ คือ ต้นสาละลังกา (ต้นลูกปืนใหญ่) หรือต้นแคนนอนบอล ชาวลังกาถือว่าเป็นต้นไม้มงคลในพระพุทธศาสนาเพราะเห็นว่า ดอกมีลักษณะสวย และมีกลิ่นหอมจึงนำไปถวายพระ อีกทั้งนิยมปลูกภายในวัดมากกว่าตามอาคารบ้านเรือน และต้นสาละนี้ได้ปลูกและเป็นต้นไม้ประจำของโรงเรียนสารวิทยาด้วยเช่นกัน

 



                      ไม้มงคลผลกลม             ยืนต้น
               ใบเดี่ยวเรียงจดปลาย              กิ่งก้าน
               ดอกชมพูส้มแดง                   หอมกลิ่น
               ช่อดอกสวยนานใช้                ไหว้พระบูชา

                      เด่นดอกออกโคนต้น       สาละ
               ผิดอกงามละช่อ                    เพลินพิศ
               เป็นไม้ดอกประจำ                  ส.ย.
               ชื่อศรีสถิตให้                       มั่งมีมงคล

                      ส.ย.สื่อความรู้              วิชา
               สร้างศาสตร์ดีวาจา                น้องพี่
               มิตรน้ำใจงามล้ำ                   ศักดิ์ศรี
               เก่งคุณความดีให้                  สังคมรุ่งเรือง

                      อันตัวฉันคงจะ              น้อยนิด
               ช่วยสรรค์ทำกิจได้                 ดำรง
               คุณความดีติดตาม                 เสริมชื่อ
               ให้ ส.ย. คงอยู่                    มุ่งสร้างคนดี

  

10 มิถุนายน 2555

ปัญหาการถูกแอบอ้างข้อมูล...ของคม

ประสบการณ์ที่เกี่ยวกับ Facebook และ Web Blog ของคม 

         จากการที่แม่คมได้จัดทำ Web Blog : kom-ranad-ake.blogspot.com ให้คมมาตั้งแต่ 01 กรกฎาคม 2010 และได้เผยแพร่มาจนถึงทุกวันนี้  ขณะนี้ได้ประสบปัญหาในการถูกนำข้อมูลไปเปิด Facebook ของผู้อื่นที่ไม่ใช่ตัวคม เราคาดไม่ถึงว่าจะเจอเรื่องแบบนี้ เพราะคมเป็นแค่เด็กคนหนึ่งที่อยากเห็นดนตรีไทยได้รับความนิยม มีความสนใจดนตรีไทยโดยผ่านการเรียน เวทีการแสดง และหาประสบการณ์ทางดนตรีไทยด้วยตนเองมาด้วยความเหนื่อยยาก แล้วนำประสบการณ์ทางด้านดนตรีไทยมาุ่ถ่ายทอดซึ่งผู้สนใจก็ไม่ได้มากมายอะไรเป็นคนกลุ่มเล็กๆ ไม่เคยคิดว่าจะถูกนำชื่อและเรื่องราวไปแอบอ้างแบบหมดตัว ราวกับเป็นคนเด่นคนดังที่เขาโดนกัน ไม่ทราบว่าเป็นใคร มีจุดประสงค์ใด แล้วทำไมต้องทำตัวเป็นคม

ไทม์ไลน์ของผู้แอบอ้าง


        เรื่องที่เกิดขึ้นจำเป็นต้องชี้แจงให้ผู้ที่ติดตามผลงานของคมได้รับรู้ และเป็นการปกป้องตนเองของคมจากการกระทำที่ไม่ถูกต้อง ไม่ว่าผู้แอบอ้างจะมีเจตนาเช่นไร เขาได้สร้างเรื่องหลอกลวงขึ้นกับผู้อื่นให้เข้าใจผิดว่าเป็นคมทำ ผู้ที่ทำแบบนี้ได้จะขาดจิตสำนึกของความรับผิดชอบถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อผู้อื่นและตัวคม คุณกำลังสนุกบนความเดือดร้อนของผู้อื่น ที่ตั้งใจทำผลงานไว้ดีๆ อยู่ๆ ก็มีคนมาหยิบผลงานไปแอบอ้างเป็นของตนเอง ถ้าเป็นตัวคุณจะรู้สึกเช่นไร

การนำผลงานของคมไปทำเป็นของเขา ใครเห็นก็ต้องคิดว่า Facebook ของคม




นี่! คือผลงานและตัวตนของคม ที่ถูกนำมาใช้

นี่ก็ผลงานและตัวตนของคม ที่ถูกนำมาใช้

นี่ก็ผลงานและตัวตนของคม ที่ถูกนำมาใช้

นี่ก็ผลงานและตัวตนของคม ที่ถูกนำมาใช้

นี่ก็ผลงานและตัวตนของคม ที่ถูกนำมาใช้

นี่ก็ผลงานและตัวตนของคม ที่ถูกนำมาใช้

นี่ก็ผลงานและตัวตนของคม ที่ถูกนำมาใช้

นี่ก็ผลงานและตัวตนของคม ที่ถูกนำมาใช้

วันนี้ ซ้อม ทั้งวันเลยครับ เฮ้อ
โพสต์แสดงความรู้สึกเป็นตัวคม และหาเพื่อนเพิ่มขึ้น

นำความสามารถของคมไปโม้เป็นเรื่องตลก และมีเพื่อนเิ่พิ่มขึ้นเรื่อยๆ

นี่ก็ผลงานและตัวตนของคม ที่ถูกนำมาใช้ มีการโพสต์ข้อความสอดแทรก

นี่ก็ผลงานและตัวตนของคม ที่ถูกนำมาใช้แบบเต็มๆ มีการโพสต์ข้อความสอดแทรก


             ข้อมูลเหล่านี้ได้มาจากการไปสมัครเป็นเพื่อนใน Facebook ของเขาเพื่อดูข้อมูลที่เขาเอาไป และดูพฤติกรรมที่เขาแสดง ดูเพื่อนๆ และดูคนที่มาเป็นเพื่อนกับเขา โดยส่วนใหญ่มีวุฒิภาวะกันแล้ว อยู่ในวัยทำงานมากที่สุด รองลงมาเป็นนักศึกษา ล้วนอยู่ในวงการดนตรีไทยและนาฏศิลป์จากสถาบันชื่อดัง และเด็กที่เป็นเพื่อนของคมก็มี เพราะหลงเชื่อว่าเป็นคม คาดว่าน่าจะเป็นคนที่ชอบดนตรีไทยคนหนึ่งหรืออยู่ในวงการนี้ด้วย เริ่มการเล่นเฟสบุ๊คด้วยการเอาผลงานของคมมาใส่ ใช้รูป ใช้ชื่อ ใช้สถาบันการศึกษาที่เป็นเรื่องสำคัญของคมมาใช้เต็มๆ แบบไม่มีเรื่องราวอื่นใดเลย เป็นคม ระนาดเอกอย่างเต็มตัวทีเดียว แล้วไปสมัครหาเพื่อน ถ้าเขาทำเรื่องไม่ดี ผลเสียจะตกอยู่ที่คมคนเดียว ด้วยการเข้าใจผิด ขอผู้อ่านโปรดเห็นใจคมที่มีใครมาทำบ้ากับเขาแบบนี้ มายุ่งอะไรกับผลงานของเขา ไปทำเอาเองซิ

   -ถ้า"ออโต้ นครปฐม" ยังเป็นเด็กอยู่ เพื่อนๆทีรู้จัก"ออโต้" โปรดช่วยกันตักเตือน ไม่สนับสนุนสิ่งที่เขาทำอยู่ ใครเป็นผู้ปกครองหรือคนรู้จักช่วยชี้แนะแนวทางที่ถูกต้องให้เขาเติบโตเป็นคนดี ไม่เอาของผู้อืนมาเป็นของตัว ไม่สร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่น หากไม่แก้ไข พฤติกรรมแบบนี้อาจเติบโตแทนและจะสร้างปัญหาไม่รู้จบ
   -หรือถ้า"ออโต้ นครปฐม" เป็นผู้ใหญ่แล้วคงต้องแนะนำไปหาจิตแพทย์ด่วน หรือไม่ก็เลิกพฤติกรรมเช่นนี้ทันทีเพราะคนปกติเขาไม่ทำกัน มันไม่มีศักดิ์ศรี มีคนรู้ความจริงแล้วเป็นเรื่องน่าละอาย
   -หรือถ้า"ออโต้ นครปฐม" มีจิตคิดดี ชื่นชมผลงานคม ระนาดเอกจริงๆ ต้องหยุดการโพสต์ผลงานของคม และเปลี่ยนรูปประจำตัวของคุณไปเป็นอย่างอื่นที่ไม่ใช่คม ระนาดเอก ไม่ไปหลอกลวงให้คนอื่นๆ เขาใจผิดอีกจึงจะถือว่าคุณมีเจตนาบริสุทธิ์ แต่ไม่รู้จักความเหมาะสม เราจะให้อภัยคุณและเป็นเพื่อนกันได้

             ฝากถึงเพื่อนๆ ที่ได้ตอบรับเป็นเพื่อนกับ "คม ระนาดเอก (ออโต้)" เขาผู้นี้ไม่ใช่คมตัวจริง หากคุณรับเป็นเพื่อน หรือสมัครเป็นเพื่อนเพราะคิดว่าคม ระนาดเอกตัวจริงก็ขอขอบคุณไว้ ณ ที่นี้ที่มีไมตรีให้มา หากคุณรู้อยู่แล้วว่าเขาไม่ใช่คม ระนาดเอกตัวจริงก็ยังเห็นดีไปกับเขา เท่ากับคุณได้สนับสนุนการกระทำที่ไม่ถูกต้องไปด้วย โปรดระวัง

          
            ขอชี้แจ้งเรื่องราวให้รับรู้โดยทั่วกัน

            จากผู้จัดทำ Web Blog : kom-ranad-ake.blogspot.com 
            ขอขอบคุณทุกท่านที่สนใจและได้ติดตามเรื่องราวของคมค่ะ


............................................................................................

การถูกนำรูปของคมไปใช้เป็นรูปประจำตัวโดยผู้อื่น



         ทางผู้จัดทำ Web-Blog ขอชี้แจงว่า จากการที่มีเด็กบางคนได้นำรูปจาก Web-Blog ของคมไปใช้เป็นรูปประจำตัวใน  Facebook ดังภาพใช้สื่อสารกับเพื่อนๆ  อาจเกิดความเข้าใจผิดกับผู้ที่ได้อ่าน หรือผู้ถูกนำมากล่าวถึงสร้างความไม่พอใจโดยไม่มีใครรับผิดชอบถึงความความเสียหายในภาพลักษณ์ของโรงเรียนและตัวนักเรียนเอง ส่วนคมเจ้าของรูปก็อาจมีคนเข้าใจผิดคิดว่าเป็นคนทำหรือมีส่วนรู้เห็น  เมื่อทางเรารับรู้แล้วไม่สบายใจที่เกิดเรื่องเช่นนี้ จึงอยากขอร้องให้น้องๆ กลุ่มนี้ได้เปลี่ยนรูปประจำตัวเป็นรูปอื่นที่ไม่เกี่ยวกับรูปของคม หวังว่าคงได้รับความร่วมมือให้เกิดความสบายใจกันทุกฝ่า

...ขอขอบคุณล่วงหน้ากับสิ่งดีๆที่จะเกิดกับการกระทำของน้องๆ เองจ้า...


....................(08/07/2013)....................

         ทางผู้จัดทำ Web-Blog ได้ขอให้มีการเปลี่ยนรูปประจำตัวเป็นอย่างอื่น ทางน้องๆ กลุ่มนี้ได้ยุติเรื่องนี้โดยการปิด Facebook หน้านี้ชั่วคราว ...ต่อมาได้ดำเนินการต่อในชื่อเดิมและได้เปลี่ยนรูปประจำตัวใหม่ไม่เกี่ยวกันแล้ว ก็จบ


16 กุมภาพันธ์ 2555

ครั้งหนึ่งของคมกับ...โหมโรง

กิจกรรมสายฟ้าที่เกือบจะล่ม

          กิจกรรมใหม่ของคมช่วงนี้ยังไม่มีเนื่องจาก คมติดภารกิจการเรียนอันเป็นหน้าที่หลักซึ่งอยู่ในช่วงสำคัญ จึงขอนำกิจกรรมที่คมเคยทำไว้มาให้ติดตามดู
 
 
            ขณะนี้ละครเรื่อง"โหมโรง" กำลังแพร่ภาพที่ช่องไทยพีบีเอส (เริ่ม ม.ค. 2555 เป็นต้นมา) คงเป็นที่ชื่นชอบของคนรักดนตรีไทยแน่นอน และได้เผื่อแผ่ไปถึงคนที่ไม่เคยสนใจดนตรีไทยให้หันมาชม รู้ซึ้งคุณค่าของดนตรีไทยทีมีมานานเพิ่มมากขึ้น การจัดละครแต่ละฉาก ใกล้เคียงในภาพยนตร์ที่ทำไว้ เพียงแต่เปลี่ยนตัวแสดง รายละเอียดของตัวละครมีมากขึ้น และเพลงประกอบแต่ละฉากเปลี่ยนใหม่ยังคงน่าสนใจ

  
            ครั้งหนึ่งของคม...กับละครโหมโรง เริ่มต้นที่ช่วงวันสงกรานต์ปีที่แล้ว (ปี 2554) จำได้ว่า คมดีใจที่ใกล้จะถึงวันเดินทางไปเที่ยวบ้านยายที่ต่างจังหวัด มันเป็นช่วงปิดเทอมใหญ่ที่คมเฝ้ารอให้ถึงทุกปี่ แค่ทนคอยอีกไม่ถึง 10 ชั่วโมงก็จะได้ไปบ้านยายแล้ว การเตรียมข้าวของที่จะออกเดินทางก็พร้อมแล้วในวันพรุ่งนี้เช้า 

         ในคืนเดียวกันช่วงหัวค่ำ ได้มีโทรศัพท์จากผู้อำนวยการของโรงเรียนดนตรีฯ โทรมาชวนด้วยตนเองว่า ให้คมไปทดสอบหน้ากล้องเรื่อง”โหมโรงภาค ๒” เป็นตัวนายศรช่วงอายุ 10 ปี ให้มาที่โรงเรียนในวันพรุ่งนี้เช้า เล่นเอาตกตะลึง! กันทั้งบ้าน ส่วนคมก็ตกใจวิ่งหลบหลังโต๊ะ ร้องว่า "โอย อย่า ๆ ๆ ไม่เอา ๆ พี่บัญชาโทรมาบอกก่อนแล้ว คมไม่เอา จะไปบ้านยายเท่านั้น”

            เขาเน้นเสียงหนัก แม่เห็นอาการคมแล้วหนักใจเป็นเรื่องยากที่จะเปลี่ยนใจเขา จึงถามเขาว่าคิดอย่างไรกับเรื่องนี้ คมอธิบายว่า “แม่ครับ ทุกครั้งที่คมออกงาน คมต้องรู้ว่าจะไปทำอะไร มีขอบเขตแค่ไหน  แต่เรื่องการแสดงอะไรนี่ คมไม่รู้ ทำไม่เป็น คนก็เยอะ อายเขา” และแม่ก็เข้าใจความรู้สึกเขา เรื่องนี้แปลกใหม่และกะทันหันจริงๆ ต่างคนต่างเงียบ

            แม่ครุ่นคิดหาคำพูดมาลองให้เขาเปลี่ยนใจดู จึงเริ่มคำพูดกับเขาว่า “เข้าใจคำว่า โอกาส ไหมลูก มันสร้างให้คนสำเร็จในแต่ละด้านมามากต่อมากแล้ว โอกาสไม่เคยวิ่งไปหาใครถ้าไม่ไขว่คว้า แต่นี่มันวิ่งมาชนเราเชียวนะ โหมโรงเป็นเรื่องที่คมชอบไม่ใช่หรือ ไปดูซิ เขาทำอะไรกัน”

            แม่พยายามชักจูงให้เขาเห็นความสำคัญของการเปิดโลกทัศน์สู่ภายนอก เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นทุกวัน ฝึกการปรับตัว และอธิบายสิ่งยากๆ ที่เขาเคยทำมาเพื่อให้เขามีพลังใจและเชื่อมั่นในตัวเอง เรียนรู้วิถีการแสดงแม้แต่นักดนตรี ไม่กลัวสิ่งที่เขาต้องเผชิญ

           ในส่วนของคม เขาคิดหาคำพูดมาโต้แย้งเช่นกัน ในด้านเหตุผลเขายอมรับ แต่ในด้านอารมณ์ความเป็นเด็กเขาก็มี คือกลัวจะไม่ได้เล่นสนุกหรือมีเวลาน้อยที่บ้านยาย ทำให้เขาไม่อยากไปงานนี้ แม่ก็ลองให้เขาคิดเทียบดูที่สาระว่าควรทำสิ่งใด และไม่มาคิดเสียดายโอกาสในภายหลัง

             เช้าวันรุ่งขึ้น แม่พาคมไปที่โรงเรียนดนตรีฯ มีทั้งเด็กและผู้ปกครองมากเป็นพิเศษ ผู้อำนวยการให้ขึ้นไปชั้น2 ปรากฏว่า โรงเรียนมีกิจกรรมบรรเลงดนตรีไทยวงใหญ่รับวันสงกรานต์ซึ่งมีทั้งคุณครูและลูกศิษย์ร่วมเล่นกันอยู่ คมถูกเรียกให้เข้าร่วมบรรเลงครั้งนี้ด้วย เอาละซิ อันนี้ไม่รู้ตัวล่วงหน้า และคมก็ไม่ได้เล่นร่วมวงกับใครมาหลายเดือนแล้ว 
 

            คมต้องปรับตัวตั้งสติ เขาเล่นเพลงอะไรกันอยู่ฟังเอาเอง เดี๋ยวตีระนาดเอก ระนาดทุ้ม ฆ้องวงใหญ่ คนในวง ใครเอกเครื่องอะไร ถนัดเพลงอะไรเขาก็จะมาเล่นเครื่องของเขา แล้วให้คมไปเล่นเครื่องอื่น แล้วสิ่งที่คมยอมมาทำ เมื่อไหร่จะเริ่ม แล้วเมื่อไหร่จะเสร็จ คมเต็มไปด้วยความหงุดหงิด แต่ก็เล่นดนตรีต่อไป

  

 
         แม่เห็นคมอึดอัดก็ไปเที่ยวถามคนที่มาร่วมงานด้วยกัน ว่าเขาจะเริ่มทดสอบตัวแสดงเมื่อไหร่ ไม่มีใครให้คำตอบที่ชัดเจน จนต้องถามผู้อำนวยการ เขาบอกว่า ทีมงานฯ กำลังเดินทางมาน่าจะถึงก่อนเที่ยง ช่วงเวลาที่คอยคมต้องอยู่ร่วมบรรเลงเพลงกับวงนานเป็นชั่วโมงๆ โดยไม่ได้ตั้งตัว และไม่อาจหนีหน้าที่นักดนตรีได้ แม้ไม่อยากเล่นเลยก็ตาม

          เมื่อถึงเวลาระทึกขวัญอันรอคอยของคม เพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกัน  รู้จักบ้าง ไม่รู้จักบ้าง ถูกเรียกตัวมารวมกันในห้องที่ทางโรงเรียนจัดเตรียมไว้ เริ่มด้วยการให้เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดในบทแสดง โดยพี่ทีมงานแต่งตัวให้ สำหรับคมดูเพื่อนแต่ละคนอาการเฉยๆ ดูธรรมดาๆ เขาคงเตรียมตัวมาดี และมีใจจะมา ดูแล้วไม่เครียด ทำให้คมผ่อนคลายไปด้วย  


            ตัวคมพยายามทำใจทั้งคืน นอนก็ไม่ค่อยหลับ และอยากมาทำให้เสร็จซะเร็วๆ พอพี่ทีมงานให้ทำสิ่งใด คมจึงตั้งใจทำทันที พร้อมก่อน ทดสอบก่อน บรรยากาศหน้าห้องทดสอบมีผู้ปกครองและผู้ที่สนใจมุงดูกันแน่นห้อง คมถูกเรียกคิวที่ 2 ทดสอบฝีมือการตีระนาดเอกเพลงให้เลือกเอง คมเลือกเพลงโหมโรงจีนตอกไม้ และมีบางส่วนของวีดีโอที่บันทึกไว้มาให้ชม (งานนี้เก็บภาพมาเล็กน้อยเพราะกล้องแบตฯหมด เตรียมไม่ทันค่ะ)



            เมื่อตีระนาดเสร็จก็ต่อด้วยการถ่ายรูปเพื่อดูบุคลิกและการขึ้นกล้องเพียงใด มีการให้แสดงท่าทาง การยิ้ม ปั้นหน้าวางท่า (อันนี้คมแสดงไม่ออกเลย พี่เขาต้องช่วยจัดท่าให้) มีการทดสอบเสียงโดยการพูด  ออกเสียงให้ชัดเจน โดยกล่าวถึงประวัติตัวเองให้ครบถ้วนที่สุด คมผ่านช่วงนี้ได้เร็ว สลับกับคนอื่นๆ จากนั้นพี่เขาให้ไปนั่งท่องบทตัวแสดงเป็นนายศรตอนอายุ 10 ขวบ สนทนากับเพื่อนชื่อทิวและแม่ พี่เขาอธิบายที่มาว่า ศรไปตลาดกับแม่ เห็นทิวขโมยมะม่วงใต้ร้านค้าที่ศรยืนอยู่ใกล้ๆ จึงก้มดู มีบทพูดที่คมพอจำได้ว่า 
  

           ในส่วนท่องบท คมไม่มีปัญหา เมื่อถึงคิวออกแสดงโดยเล่นเป็นศร ส่งบทกับพี่ทีมงานเล่นเป็นแม่และทิว คมพอเข้าใจในบทสมมุตินี้ บทคล่องแต่เล่นเร็วไป ไม่ได้จังหวะที่เป็นธรรมชาติ ยิ่งตอนให้แสดงออกอาการดีใจเล่นได้ไม่หวือหวา เพราะคมไม่ชอบออกท่าทาง ทำใหม่ก็ดีขึ้นเล็กน้อย และคมก็รู้ตัวว่าทำได้ไม่ดี


           บททดสอบการแสดงของคมเสร็จสิ้นลงแล้ว เขารู้แล้วรสชาติการแสดง คนแสดงต้องหลุดจากความเป็นตัวเอง ต้องเสแสร้งทำท่าโน้นท่านี้แบบเนียนๆ ไม่เขิน เรียกให้ถูกก็คือ ศิลปะการแสดง ไม่อยากยิ้มก็ต้องยิ้ม คมว่า ”มันแปลกๆ ที่เรายิ้มโดยไม่มีเรื่องขำทำไม่ได้จริงๆ ยิ่งไม่ชอบถ่ายรูป ไม่ชอบเก๊กท่า ผ่านเหตุการณ์นี้มาได้พอใจแล้ว คมดูผ่อนคลายสบายใจขึ้นจึงพูดต่อ “นี่แม่ตอนคมเล่นบทนายศรตอบโต้กลับพี่เขา มันก็สนุกอยู่เหมือนกัน แต่คมก็อยากให้มันเสร็จเร็วๆ” แม่พูด “น่าภูมิใจที่คมรับโอกาสมางานนี้ทำให้รู้จักปรับตัว รับการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ไม่กลัวสิ่งที่ต้องเผชิญ ผลของมันไม่สำคัญ ทำได้ดีแล้ว ต่อจากนี้ไปเที่ยวให้เต็มที่กันเลย



           เหตุการณ์ที่ผ่านมานี้เป็นครั้งหนึ่งของคมกับ...โหมโรง ละครทางทีวีที่เคยเป็นภาพยนตร์ประทับใจของคนกลุ่มหนึ่ง จุดประกายไฟให้กับวงการดนตรีไทยได้มีพลังชีพเฟื่องฟูขึ้นมาอีกครั้ง ผู้ที่ได้รับชมจะอยากเล่นดนตรีไทยกันเป็นทิวแถว เป็นแรงบันดาลใจให้เด็กหลายๆ คนอยากตีระนาดเอกรวมทั้งคมด้วย จึงเป็นสิ่งภูมิใจที่ได้เกี่ยวข้องในกิจกรรมครั้งนี้ ...ขอกล่าวขอบคุณผู้ที่ได้เชิญชวนให้คมไปร่วมกิจกรรม อาจารย์สุวิทย์ สากฤษ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนดนตรีสยามพัฒนา (SPN) และโรงเรียนดนตรีเบญจรงค์ ไว้ ณ ที่นี้


19 มกราคม 2555

เพลงเถียนมีมี่ & เพลงทวิภพ



           ปีนี้เป็นปีมังกรทอง สำหรับชาวจีนถือเป็นปีมงคลยิ่งใหญ่ เนื่องในวันตรุษจีนปีนี้จึงขออวยพรให้ผู้อ่าน ผู้ดู ผู้ฟังทุกท่าน ร่ำรวย สมปรารถนา อายุยืนหมื่นปี ด้วยความปรารถนาดีจาก Kom & Mom

           ในยุคปัจจุบันนี้ ภาษาจีนมีความสำคัญ ใช้เป็นภาษากลางในการสื่อสารระดับโลกอีกภาษาหนึ่ง และในวันตรุษจีนซึ่งถือเป็นวันขึ้นปีใหม่ของชาวจีนทั่วโลก มีคำพูดที่สื่อความหมายดีๆ ในภาษาจีนมาฝาก 

                       อิ้เปิ่นว่านลี่...กำไรมากมาย
                       ต้าจี๋ต้าลี่...ค้าขายได้กำไร

                       เหนียนเหนียนฟาไฉ...ร่ำรายตลอดไป

                       หลงหม่าจินเสิน..สุขภาพแข็งแรง

                       จี๋เสียงหยูอี้..สมปรารถนา

                       เห่ายวิ่นเหนียนเหนียน..โชคดีตลอดไป

                       ซื่จี้ผิงอัน..ปลอดภัยตลอดปี

                       อี้ฝันฟงซุ่น..ทุกอย่างราบรื่น


                       ว่านซื่อหยูอี้ ....สมความปรารถนา

                       กงสี่ฟาไฉ..ขอให้ร่ำรวย

                       ไฉเหยียนกว่างจิ้น...เงินทองไหลมา

                        เจาไฉ่จิ้นเป่า..เงินทองไหลมา

                        เหนียนเหนียนโหย่วหยวี๋..เหลือกินเหลือใช้

                        ซื่อซื่อซุ่นลี่..ทุกเรื่องราบรื่น

                        จินยวี้หม่านถัง..ร่ำรวยเงินทอง






ครั้งหนึ่งเมื่อหลายสิบปีมาแล้ว ได้มีภาพยนตร์ชื่อดัง เีถียนมีมี่ สร้างความประทับใจให้ผู้ชมทั้งชาวจีน และชาวไทย พร้อมกับนักร้องชื่อดัง เติ้งลี่จวิน ผู้เป็นราชินีเพลงของจีน ได้ขับร้องไว้ ก่อกระแสความนิยมการฟังเพลงจีนเข้าสู่สังคมวงกว้างของชาวไทย แม้แต่เราก็ยังคงเก็บเพลงมาฟังจนถึงทุกวันนี้ มีผลให้เด็กรุ่นใหม่อย่างคมก็ฟังเพลงนี้ด้วยเช่นกัน จึงถอดเสียงปรับออกมาเป็นแนวประยุกต์ผสมไทยให้ฟังกัน



เพลง เถียนมีมี่ (ซอด้วง-คีย์บอร์ด)




เมื่อปลายปีที่แล้ว ละครทวิภพได้จบลง แต่ยังคงมีบทเพลงประกอบละครที่คมชอบเก็บเป็นความทรงจำไว้และนำมาลองเล่นกับระนาดเอกแทนไวโอลิน ซึ่งเพลงคงไม่หวานเท่าต้นฉบับ แต่มันเป็นดนตรีเต็มๆ ไม่มีเสียงร้อง และเป็นแบบของคมที่ทำไว้แนวไทยเดิมไม่มีที่ไหนอีก เพราะซักวันหนึ่งเพลงนี้อาจไม่อยู่ในความจำที่สมบูรณ์



เพลงประกอบละคร ทวิภพ (ระนาดเอก-ซออู้)