นับเป็นครั้งแรกของคมที่ได้รับรู้ สัมผัสอารมณ์โศกเศร้าที่เกิดกับตัวเอง เมื่อเจอบรรยากาศการสูญเสียญาติสนิท นั่นคือ คุณตาของคมได้จากไปไม่มีวันกลับ


เมื่อถึงช่วงใกล้เวลาแสดง คมเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดที่ใช้แสดง
อย่างแสนยาก งานนี้จัดให้คมขึ้นแสดงใช้เวลาราว 10-15 นาที ของวันเสาร์ที่ 3 กันยายน 2554 ก่อนพิธีที่พระสงฆ์ขึ้นชักผ้าบังสุกุล ณ หน้าเมรุวัดมหาโพธิใต้ มีการประกาศให้คมผู้เป็นหลาน จะมาแสดงเดี่ยวระนาดเอกไว้อาลัยให้คุณตา ด้วยเพลงแรก “ชมมะลิลา” เป็นเพลงที่คมแต่งเอง และตาได้ฟังแล้วชอบ เพลงที่สอง “ลาวดวงเดือน” ใช้เป็นเพลงอาลัยลาครั้งสุดท้าย
อย่างแสนยาก งานนี้จัดให้คมขึ้นแสดงใช้เวลาราว 10-15 นาที ของวันเสาร์ที่ 3 กันยายน 2554 ก่อนพิธีที่พระสงฆ์ขึ้นชักผ้าบังสุกุล ณ หน้าเมรุวัดมหาโพธิใต้ มีการประกาศให้คมผู้เป็นหลาน จะมาแสดงเดี่ยวระนาดเอกไว้อาลัยให้คุณตา ด้วยเพลงแรก “ชมมะลิลา” เป็นเพลงที่คมแต่งเอง และตาได้ฟังแล้วชอบ เพลงที่สอง “ลาวดวงเดือน” ใช้เป็นเพลงอาลัยลาครั้งสุดท้าย
การแสดงของคมครั้งนี้ เป็นครั้งแรกที่ใช้กลองไฟฟ้าให้จังหวะ นำมาประกอบการแสดงด้วย มันจะทำให้เพลงไพเราะขึ้นกว่าการเล่นระนาดอย่างเดียว แต่มันก็ใช้ยาก ต้องเล่นไปด้วยบังคับกลองไปด้วย ท่าแสดงไม่สวย ผู้ฟังจะสะดุด ถ้าจะให้ดีต้องมีคนช่วยที่รู้วิธีใช้กลอง รู้เพลง แต่คมไม่มี จึงต้องเล่นระนาดและกลองด้วยตัวคนเดียวเป็นข้อจำกัด และคอยบอกให้แม่ช่วยกดกลองเมื่อเพลงลงจบ
วีดีโอบางส่วนของเพลง "ชมมะลิลา"
วีดีโอบางส่วนของเพลง "ลาวดวงเดือน"
ผลที่เกิดความรู้สึกขัดแย้งในใจคม เพลงชมมะลิลา ที่คมซ้อมท่อนหัวมาเป็นอย่างดี เป็นลีลาเพลงที่ตาชอบ หายไปโดยไม่รู้ตัว เกิดอาการน้ำท่วมตาที่ไม่ใช่เหงื่อในขณะบรรเลง และคมทำหน้าที่พาเพลงถึงฝั่งมาได้แบบ...ไม่มีใจจะบรรเลง...แต่มีความรับผิดชอบในสิ่งที่ทำ